วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2556

จอดรถกลางแดด ควรยกที่ปัดน้ำฝนขึ้นหรือไม่

จอดรถกลางแดด ควรยกที่ปัดน้ำฝนขึ้นหรือไม่ ?


หลาย ๆ ท่าน เวลาจอดรถกลางแดด มักจะยกก้านปัดน้ำฝนขึ้น
เพราะจะได้ช่วยลดความร้อนไม่ให้ยางเสื่อมเร็ว

แต่ในความเป็นจริงแล้ว การยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นเป็นเวลานาน ๆ จะเกิดผลเสียต่อสปริง ทำให้สปริงล้า
และส่งผลให้ยางปัดน้ำฝนไม่แนบกับกระจกตลอดความยาวได้ รวมทั้งแกนหมุนมอเตอร์ก็จะต้องรับน้ำหนักมากกว่าปกติด้วย

ยางที่ปัดน้ำฝนมีคุณสมบัติทนต่อความร้อนได้ดี และ ที่ผิวกระจกก็ไม่ได้มีความร้อนสูงมากมายนัก
ไม่ว่าจะยกก้านหรือไม่ยกก้าน ยางปัดน้ำฝนก็จะเสื่อมสภาพไปตามธรรมชาติของยางอยู่ดี
อาจจะ 2 ปี ก็ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนยาง

สาเหตุที่ยางปัดน้ำฝนเสื่อมเร็วกว่าปกติ ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากความร้อน แต่มาจากการใช้งานและการดูแลรักษามากกว่า

 - เมื่อจอดรถไว้ที่ไหนนาน ๆ ก่อนใช้รถ ควรยกก้านปัดมาดูสักหน่อยว่ามีฝุ่นทรายกองติดอยู่หรือไม่
   ถ้ามี ให้ปัด ๆ หรือเป่า ๆ ออก การปัดไปบัดน้ำฝนโดยที่มีเศษฝุ่นทรายอยู่ ยางปัดจะบิ่นเร็ว และกระจกรถก็อาจเสียหายได้
    หากกระจกรถมีรอยขีดข่วนเล็กน้อย แผลตื้น ๆ ให้ใช้ยาสีฟัน หรือ บลาสโซ่ขัดเงาทองเหลือง มาทาบริเวณที่เป็นรอย แล้วใช้ผ้าแห้ง 
    สะอาด ๆ เช็ด บ่อย ๆ รอยจะค่อย ๆ จางลงได้ครับ แต่ถ้ารอยลึกก็คงซ่อมด้วยการเอาไปขัด
    แต่การขัดกระจกก็จะทำให้พื้นผิวกระจกบางลง อาจส่งผลต่อทัศนวิสัยในการมองได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น
    ก็ควรเปลี่ยนกระจกใหม่เลยจะดีกว่านะครับ

 - การทำความสะอาดใบปัดควรทำความสะอาดทุกครั้งที่ล้างรถ หรือถ้าทำบ่อย ๆ ได้ยิ่งดี
  ( ผมทำความสะอาดใบปัดทุกครั้งก่อนเอารถออกมาใช้ ) โดยใช้น้ำธรรมดาชุบผ้าให้เปียกแล้วเช็ดยางปัด หรือใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มผสมน้ำ
มาเช็ดทำความสะอาดก็ยิ่งดี น้ำยาปรับผ้านุ่มมีคุณสมบัติดูดซึมเข้าพื้นผิวยางได้ดี และช่วยรักษายางให้นุ่มคงสภาพอยู่ได้นานขึ้น
ห้าม มิให้ยางปัดน้ำฝนไปสัมผัสโดยตรงกับน้ำยาหรือสารเคมีที่มีส่วนผสมของปิโต รเคมีเด็ดขาด (บางท่านเอาน้ำยาแว็คไปเช็ดยางใบปัด ซึ่งน้ำยาประเภทนี้จะกัดทำให้ยางเสื่อมอย่างรวดเร็ว )


- กระจกรถ ควรทำความสะอาดสม่ำเสมอ อย่าให้ติดคราบสกปรก เพราะนอกจากจะทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ดีแล้ว ก็จะทำให้ทั้งยางปัดและกระจกเสียหายได้ การลงน้ำยาเคลือบกระจกไว้เสมอก็จะช่วยในการทำความสะอาดและเคลือบให้กระจก ลื่น ภาระของยางใบปัดก็จะน้อยลง ( น้ำยาเคลือบกระจกบางประเภท จะกัดสีตัวถังรถได้นะครับ เวลาใช้ระวังอย่าให้น้ำยาเคลือบกระจกโดนตัวถัง หลีกเลี่ยงน้ำยาแบบสเปรครับ )

- น้ำล้างกระจกในหม้อพักน้ำล้างกระจก ให้ใช้น้ำดื่มเติม อย่าใช้น้ำประปาเนื่องจากคลอรีนจะทำให้กระจกเป็นคราบเมื่อหยดน้ำโดนความ ร้อน  และไม่ควรเติมน้ำยาอะไรลงไปทั้งสิ้น อย่าลืมว่ามันจะไม่เหมือนกับการที่เราล้างรถ ซึ่งเราจะล้างแล้วเช็ดทันที แต่น้ำล้างกระจกจะใช้ในขณะขับรถ ซึ่งหากเปียกกระจกเป็นหยดน้ำแล้ว เราจะไม่ได้เช็ดให้แห้งในทันที ถ้าหยดน้ำโดนความร้อน ก็อาจจะทำให้เกิดคราบหยดน้ำได้ง่าย จึงไม่ควรมีสารเคมีอะไรก็ตามอยู่ในน้ำทั้งสิ้น นอกจากนี้หากเราดูแลกระจกและยางใบปัดตามข้างต้นแล้ว น้ำยาเหล่านี้ก็ไม่มีความจำเป็นครับ เปลืองตังค์เปล่า ๆ


Cr. ThaiFreed.com

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

รู้จักรถยนต์ย้อนยุค "Retro Car"

รู้จักรถยนต์ย้อนยุค "Retro Car"

   เราอาจเคยได้ยินใครหลายคนพูดถึงรถยนต์ย้อนยุคกันมาบ้างแล้ว หากถามว่ารถยนต์ย้อนยุคมีความแตกต่างกับรถยนต์สมัยใหม่อย่างไร บางคนก็มักจะมองว่า อะไหล่หายาก แพง กินน้ำมัน ซ่อมแล้วไม่คุ้ม บลาๆๆ... แต่สำหรับผมเองรถยนต์ย้อนยุคกลับดูแล้วดูมีคุณค่าในตัวของมันเอง มีความอมตะ และอะไหล่ไม่ได้หายากอย่างที่คิด แถมยังทำให้เรานึกถึงในวัยสมัยยังคงเป็นเด็กๆ อีกด้วย ยิ่งถ้าเราได้เห็นรถยนต์ย้อนยุคบนท้องถนนจอดคู่กับรถยนต์สมัยใหม่ ถามว่าคนจะมองคันไหนมากกว่ากัน ตอบได้เลยครับว่าต้องเป็น "รถยนต์ย้อนยุค" อย่างแน่นอน


  พอพูดถึงอะไหล่รถยนต์ย้อนยุคในประเทศไทย ผมขอแนะนำร้านอะไหล่ที่ขายอะไหล่รถยนต์ย้อนยุคโดยเฉพาะอยู่ร้านหนึ่งครับ ตั้งอยู่ย่านลาดพร้าว ซอย 122 (มหาดไทย) เป็นร้านอะไหล่ที่ขายอะไหล่รถยนต์ย้อนยุคโดยเฉพาะนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นโดยตรงและเจ้าของร้านก็มีความชำนาญทางด้านอะไหล่รถยนต์ประเภทนี้อีกด้วย หากใครไม่สะดวกไปที่ร้านก็สามารถสั่งซื้อทางเว็บไซด์ได้ครับ ที่ลิงค์นี้เลยครับ www.autoletparts.host.sk มีอะไหล่แนะนำกว่า 3,000 รายการในเว็บ สามารถหาดูได้ไม่ยากเลยครับ


     เห็นแบบนี้แล้วใครว่ารถยนต์ย้อนยุคนั้นไม่น่าสนใจ อะไหล่หายาก ผมว่าไม่จริงเสมอไปนะครับ ไว้คราวหน้าผมจะมาแนะนำร้านอะไหล่ดีกันอีกครั้งนะครับ


Link น่าสนใจ : www.autoletparts.host.sk  www.autoletparts.com